ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าที่ Santuario de las Lajas
สวัสดีครับ กลับมาเขียนบล็อก หลังจากไม่ได้เข้ามานาน วันนี้ จะเขียนถึงสถานที่สำคัญทางศาสนาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมาก ของประเทศโคลอมเบีย และทวีปอเมริกาใต้ครับ ที่แห่งนี้ คือ วิหาร Santuario de las Lajas ที่สร้างขึ้นในหุบเขาลึกของแม่น้ำกัวอิทารา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศโคลอมเบีย ใกล้กับชายแดนประเทศ เอกวาดอร์ นั่นเอง
ด้วยความที่อยู่ใกล้ชายแดนระหว่างสองประเทศ จึงเป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาคริสต์ ที่ดึงดูดผู้คนจากทั้งสองดินแดน ให้เดินทางเข้ามาจารึกแสวงบุญตลอดปี โดยจะเป็นช่วงสามครั้ง คือเมื่อมีการเฉลิมฉลองนักบุญองค์อุปถัมภ์ ในเดือนกันยายน โดยจะเดินทางมาถึงด้วยการเดินเท้า เป็นเวลานานกว่า 12 ชั่วโมง จากเมืองใกล้เคียง นอกจากนี้ยังมีการแสวงบุญในเดือนธันวาคม และวันแรกของเดือนมกราคมของทุกปีอีกด้วย
สิ่งที่บ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ ที่ดึงดูดผู้คนให้เดินทางมาเยี่ยมเยือนที่วิหารแห่งนี้ นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์แล้ว สิ่งแรกที่ผู้คนนึกถึงนั่นคือ ความศักดิ์สิทธิ์ของรูปวาดพระแม่มารีบนหินกำแพงหลังวิหาร ที่สวยงามและยังคงเป็นปริศนา จากชื่อวิหาร คำว่า Laja หมายถึง ชื่อหินตะกอนชนิดหนึ่ง คล้ายกับหินดินดานหรือหินชนวน ซึ่งเป็นที่ตั้งของรูปวาดนั่นเอง ภาพบนหินนั้นบ่งบอกถึงวิธีการวาดที่ยังไม่มีที่มาแน่ชัด บ้างก็ว่าถูกสร้างขึ้นมาด้วยพลังเหนือธรรมชาติ หรือฝีมือของเทพเจ้า เนื่องด้วยสีที่ใช้วาดนั้น เหมือนจะถูกสักลงบนหิน แทนที่จะถูกระบายลงบนพื้นผิวตามปกติ อีกเหตุผลนั่นคือ ความสดของภาพวาดนั้น ไม่เคยจางลงหรือเลือนหายไป จากความชื้นของละอองน้ำตก ที่อยู่ใกล้ๆกันเลย ไม่เคยเก่าหรือซีดจาง ไม่มีหลักฐานถึงวิธีการวาดเหมือนเช่นภาพอื่นๆที่อยู่ในวิหารแห่งอื่นทั่วโลก ผลการทดสอบจากนักศิลปะยังไม่พบถึงเทคนิคการวาดใดๆ ที่เข้าข่ายใช้ได้กับภาพวาดนี้ และจะยิ่งศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีก เมื่อได้ถูกเล่าขานไปพร้อมกับตำนานการค้นพบ และสร้างขึ้นของวิหารแห่งนี้เป็นครั้งแรก
เรื่องถูกเล่าขานว่า ในปี ค.ศ. 1754 Maria Meneses de Quinones กับลูกสาวชื่อ Rosa ซึ่งเป็นใบ้ ได้เดินทางกลับหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างออกไป 3 กิโลเมตร เมื่อผ่านหุบเขาที่ตั้งของวิหารในปัจจุบัน ก็เกิดพายุฝนกระหน่ำ เธอกับลูกสาวได้เข้าไปหลบอยู่ในถ้ำตรงหุบเขานั้น ที่ก่อตัวจากแผ่นหินขนาดใหญ่ ระหว่างที่เธอกำลังนั่งพัก ลูกสาวของเธอก็บอกกับเธอว่า ได้เห็นพระแม่มารีซึ่งโอบกอดบุตรของท่านในอ้อมแขน และสาวกทั้งสองข้าง อยู่ที่ก้อนหินใหญ่ตรงหน้าผานั้น และบอกว่า พระแม่มารีกำลังเรียกเธอ
มาเรียผู้ซึ่งตกใจที่ได้ยินลูกสาวพูดได้เป็นครั้งแรก ก็รู้สึกดีใจ แต่ด้วยความดีใจ เธอจึงไม่ได้สังเกตอะไรตรงนั้น แล้วรีบกลับมาที่หมู่บ้าน ที่หมู่บ้าน เธอได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชาวบ้านฟัง แต่ไม่มีใครเชื่อเธอ เธอได้คิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง และก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าโรซ่าได้หายตัวไปจากบ้าน เธอรู้สึกเป็นกังวล จึงออกตามหาลูกสาว มาเรียตามไปที่ถ้ำแห่งนั้นที่เธอกับลูกเข้าไปหลบฝนเมื่อวันก่อน และได้พบกับลูกสาวของเธอ กำลังคุกเข่าอยู่หน้าก้อนหิน และเล่นอยู่กับบุตรของพระแม่มารีอย่างคุ้นเคย เธอตกตะลึงในสิ่งที่เห็น พลันรู้สึกศรัทธาเป็นอย่างมาก หญิงสาวเก็บเรื่องที่เธอกับลูกสาวค้นพบไว้เป็นความลับ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้ทุกอย่างเปิดเผย เมื่อโรซ่าเกิดเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน มาเรียต้องการขอพรจากพระแม่มารีที่ก้อนหินนั้น เพื่อให้ฟื้นคืนชีพลูกสาวของตน เพราะเหตุการณ์นี้ คนในหมู่บ้านจึงสังเกตเห็น และค้นพบพระแม่มารีในถ้ำนั้นพร้อมๆกัน ท่านได้คืนชีพโรซ่าให้มีชีวิตใหม่
วิหารหลังแรกถูกสร้างขึ้นไม่กี่ปีหลังจากเหตุการณ์นั้นด้วยฟางและไม้ เพื่อเป็นเกียรติแก่พระมารดาของพระเยซู ต่อมาในปี ค.ศ. 1802 วิหารที่ใหญ่กว่าถูกสร้างขึ้นแทน และสะพานแห่งแรกก็ถูกสร้างขึ้น ให้เข้าถึงโบสถ์ได้โดยนักบวช ส่วนวิหารหลังล่าสุดสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1916-1949 ด้วยเงินบริจาคจากศรัทธาผู้มาเยือน เป็นสถาปัตยากรรมสไตล์นีโอ-กอทิค ตัวโบสถ์สูง 100 เมตร จากแม่น้ำก้นเหวเบื้องล่าง และเชื่อมอีกฝั่งของหุบเขาด้วยสะพานสูง 50 เมตร กว้าง 17 เมตร ยาว 20 เมตร หน้าต่างวิหารตกแต่งด้วยกระจกสีฝีมือช่างศิลปินชาวเยอรมัน Walter Wolf
สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 ทรงประทานพิธีบรมราชาภิเษกตามรูปเคารพของพระแม่มารีที่วิหารแห่งนี้เมื่อวันที่ 16 กันยายน ค.ศ. 1952 โดยพระราชกฤษฎีกาตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1951 จากนั้นวิหารได้รับการยกฐานะเป็นมหาวิหารรองในปี 1954 ภาพพระแม่มารีนี้ได้รับการประกาศให้เป็นองค์อุปถัมภ์หลักของสังฆมณฑลอิปิอาเลส ที่เป็นเมืองที่ตั้งของวิหารในปี 1965 Santuario de las Lajas เป็นสถานที่แสวงบุญทางศาสนา ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองในโคลอมเบีย ซึ่งมีผู้คนมากมาย จากทั้งในประเทศโคลอมเบีย และประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง เอกวาดอร์ รวมไปถึงเหล่าศรัทธาจากทั่วทุกมุมโลก คอยเดินทางมาจารึกแสวงบุญอยู่เสมอตลอดปี
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น