เพื่อนใหม่ที่หลวงพระบาง
หลังห่างหายจากบล็อกมาแรมปี ก็ได้เวลาปัดฝุ่นเขียนต่อสักที เป็นเวลาปีเต็มหลังจากได้ไปเยือนหลวงพระบาง เมือกมรดกโลกของประเทศเพื่อนบ้าน เพิ่งมาเขียนบล็อกเอาก็ตอนนี้ รายละเอียดต่างๆก็จำไม่ค่อยได้ เอาเป็นว่า เพื่อความแปลกใหม่ ไม่เป็นข้อมูลท่องเที่ยวมากเกินไป เครยอนคนนี้จะขอเล่าถึงเรื่องราวนอกเหนือจากสถานที่ละกันนะครับ
การเดินทางเริ่มต้นด้วยเครื่องบินจากเชียงใหม่ ตรงไปยังหลวงพระบาง ด้วยเวลาวันหยุดที่มีเพียง 2 วัน เพราะฉะนั้น จึงขอเก็บรายละเอียดที่สำคัญๆให้ได้ก็เพียงพอ เราเดินทางด้วยความรวดเร็ว จากวัดแห่งหนึ่งไปยังแห่งหนึ่งภายในเวลา 10 นาที นั่นคือปัญหาที่ทำให้ไม่ได้สัมผัสความสวยงามอย่างเต็มอิ่ม ก็เวลามันน้อยนี่เน้อะ.... ภายในเวลาอันน้อยนิด ธนกฤตหรือนายเครยอนคนนี้ ก็พกเอากล้องไปถ่ายรูปแช้ะๆๆๆ ความที่ตอนนั้นสกิลการถ่ายภาพต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากๆ ภาพที่ออกมาดูจะไม่ค่อยมืออาชีพเท่าไหร่ สิ่งที่สัมผัสได้จริงๆคือความสงบครับ ชาวบ้านอยู่กันแบบสงบจริงๆ แถมนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นก็ดูจะไม่มีอิทธิพลกับชีวิตเขาเลย ทุกๆอย่างไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก ส่วนด้านสิ่งปลูกสร้างทางเทศบาลก็มีกฏไว้ว่าห้ามสร้างบ้านหรือตึกสูงเกิน 2 ชั้น สายไฟไม่มีระโยงระยาง เมืองดูสะอาด ภาพของพระสงฆ์นับพันรูป เดินบิณฑบาตเป็นภาพที่มีมนต์ขลังมากๆ นี่คือกิจวัตรยามเช้าของชาวหลวงพระบางครับ ตื่นแต่เช้ามาทำบุญใส่บาตรพระสงฆ์ ซึ่งเราก็เอากับเขาด้วย แทบจะตักข้าวเหนียวใส่บาตรกันไม่ทันเลยทีเดียว พระท่านเดินเร็วมากๆ หลังจากนั้นชาวเมืองก็แวะตลาดซึ่งมีอาหารที่ดู"แปลก"และ"สด"อยู่เหมือนกัน เรียกได้ว่าถ้าคนทางตะวันตกมาเห็นคงจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย ของโปรดของธนกฤตเห็นจะเป็นสาหร่ายน้ำจืดทอด ที่รสชาติมันๆอร่อยๆ เป็นสาหร่ายที่เก็บมาจากแม่น้ำโขง ของธรรมชาติล้วนๆ ชีวิตดำเนินต่อไป คนบางส่วนก็เลือกที่จะไปนั่งเสวนาที่สภากาแฟของเมือง ที่นั่นมีปาท่องโก๋ และเครื่องดื่มร้อนๆให้ทานกันอย่างจุใจ หากเดินลัดมาก็จะได้รู้จักกับอาหารอีกอย่างหนึ่งก็คือ "เฝอ" ก๋วยเตี๋ยวใส่ผักนานาชนิดที่ทำเอาคนไม่ค่อยทานผักอย่างธนกฤตถึงกับติดใจ ทานหมดทั้งเส้นทั้งผักเลยทีเดียว ไส้อั่วหลวงพระบางที่รูปร่างไม่ต่างจากไส้อั่วทางเหนือของบ้านเรา หากแตกต่างกันตรงรสชาติ ที่ส่วนตัวแล้วคงบอกได้ว่า เค็มและกลมกล่อมกว่ามาก อาหารพื้นเมืองหลากเมนูทำให้ธนกฤตน้ำหนักขึ้น และที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้นั่นก็คือ เบียร์ลาว คิดว่ารสชาติดีมากๆ แถมทำให้อาหารอร่อยขึ้นเป็นกอง ฝรั่งถึงกับยกย่องว่าดีที่สุดในเอเชีย ก็เป็นสินค้าที่สำคัญของประเทศลาวเลยก็ว่าได้ ทริปหลวงพระบางครั้งนี้ จึงเหมือนกับทริปทานอาหารครั้งใหญ่ เรียกได้ว่าเป็นเมกะสตรีทฟู้ดเลยก็ว่าได้ ชอบๆและอร่อยมากจริงๆ
ส่วนเรื่องของผู้คน การเที่ยวครั้งนี้กลับกลายว่าได้เพื่อนต่างประเทศถึง 4 คน สองคนแรกยังคงติดต่อกันจนถึงทุกวันนี้ เป็นพนักงานรีสอร์ทที่เราไปพักนั่นเอง ใจดีทุกคน ยิ้มง่ายและเป็นกันเองมากๆ เพื่อนสองคนนี้เป็นรุ่นน้องชาย กำลังฝึกงานอยู่ พวกเขาเรียนการท่องเที่ยวที่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวในหลวงพระบาง นักศึกษาส่วนใหญ่อยากเป็นไกด์กันมากๆ คงจะเป็นเพราะการท่องเที่ยวในเมืองนี้กำลังบูมเป็นพิเศษ ทีแรกธนกฤตไม่รู้จักเลย รีสอร์ทแห่งนี้มีระเบียงเล็กๆหน้าห้องพักเชื่อมกับทุกๆห้องรวมถึงล็อบบี้ เราเป็นแขกเพียงคนเดียวที่วัยใกล้เคียงกัน ไปๆมาๆ กลายเป็นว่านั่งร้องเพลง ดีดกีต้าร์ จิบเบียร์ลาวด้วยกันซะอย่างนั้น ในวงนั้นมีอยู่ 5 คนรวมทั้งเจ้าของรีสอร์ทที่อายุเท่ากับเราเลย ไปพัก 2 คืน ใช้เวลานั่งร้องเพลงอยู่กับพวกเขาจนถึงตี 1 สนุกสนานมากๆ เพลงที่ร้องส่วนมาก ก็เพลงไทยนี่แหละ เพลงไทยดังในหลวงพระบางมากๆ
จนถึงทุกวันนี้ยังคงติดต่อกับน้องๆทั้งสองคนอยู่ จบการศึกษากันหมดแล้ว คนหนึ่ง แต่งงานไปเรียบร้อย อีกคนหนึ่งไม่ค่อยได้คุยมากนัก เพราะติดต่อไม่ค่อยได้ มีนานๆทีที่จะติดต่อสำเร็จ แต่สิ่งที่ทั้งคู่สมหวัง ก็คงได้เป็นไกด์นำเที่ยวสมใจ แถมยังบอกด้วยว่า หากมาเที่ยวหลวงพระบางครั้งหน้า ให้ติดต่อเขาได้เลยนะ เขาจะนำเที่ยวให้ แต่ถึงตอนนี้ไม่ได้ไป ก็ยังแชทในเฟซบุ๊คกันตลอดเวลา ทำให้พอรับรู้ข่าวคราวกันบ้าง ภาพของวงดนตรีแบบกันเอง ท่ามกลางอากาศหนาวสุดๆ พร้อมเบียร์ลาวพอให้อุ่น ยังคง
อยู่ในความทรงจำของธนกฤตเสมอ ไว้เจอกันนะ เพื่อนๆ
เพื่อนอีกคนหนึ่ง คนนี้เป็นผู้หญิงครับ พูดง่ายๆคือ ไกด์ของเรานั่นเอง คนนี้ไม่ได้ติดต่อกันแล้ว เพราะเธอปิดเฟซบุ๊คไป แต่คุยกันสนุกสนานมากๆครับ อายุเท่ากัน เลยให้อารมณ์ท่องเที่ยวแบบเป็นกันเอง ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจผู้ใหญ่ เพราะไกด์ยังเด็ก เลยบริการแบบลุยๆ ทำเอาพ่อกับแม่แข้งขาเคล็ดกันไปหมด เพราะเดินตามไกด์วัยเยาว์ไม่ทัน แต่มีธนกฤตคนเดียวที่เดินตามทัน เลยได้คุยกับเธอมากหน่อย เรื่องทื่พูดคุย เราพยายามหลีกเลี่ยงเรื่องที่เป็นการเมือง เลยได้หัวข้อใหม่มา และคุยกันแบบฮามากๆๆๆ เพราะเธอคือคอละครไทย ติดตามทุกเรื่องทุกช่องทุกวัน ช่วงที่ไปเที่ยวนั้น ละครเรื่อง ภูตแม่น้ำโขง กำลังกลับมารีรีนตอนบ่าย และเธอก็ติดงอมแงมเลยทีเดียว แถมยังบอกด้วยว่า เรื่องราวของแม่น้ำโขง ตำนานต่างๆมีเยอะแยะ ชื่อเรื่องอาจเหมือนกัน แต่เรื่องราวในตำนานก็จะแตกต่างกันออกไป เสียดายเธอไม่ได้เล่าให้ฟังว่า บทบาทของภูตแม่น้ำโขง เวอร์ชั่นลาว เป็นอย่างไร เพราะเธอบอก นี่กำลังยืนคุยริมน้ำของ (คนลาวเรียกแม่น้ำโขงว่าน้ำของ) อยู่นะ ไม่กลัวรึไง เออ ใช่จริงๆด้วย ไม่เอาละเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ตอนที่ไปน้ำตกนอกเมือง เธอก็นั่งรถไปกับเราด้วย ปรากฏว่า หลับกันหมด มีธนกฤตที่ตื่นอยู่คนเดียว เลยนั่งคุยกับโชเฟอร์แทน เพราะไกด์สาวหลับ ส่วนเรื่องอื่นๆ เธอบอกว่าเธอชอบประเทศไทย คงเหมือนกับคนไทยชอบที่จะไปต่างประเทศ เธอฝันอยากไปทำงานที่อุดรธานีและขอนแก่นเอามากๆ เธอบอกว่าอยากไปอยู่เมืองไทย ทำงานด้านการท่องเที่ยว แต่ไม่รู้ฝันจะเป็นจริงรึเปล่า คนหลวงพระบางหลายคนที่เป็นเพื่อนเธอก็อยากมาทำงานในประเทศไทย นับว่าบ้านเราคือความสวยงามในสายตาเขา เพราะเธอพูดถึงเมืองไทยด้วยมุมมองที่สวยงาม ทั้งผู้คนและวัฒนธรรม อยากให้พวกเรารักษาเรื่องตรงนี้ไว้จริงๆ ชาวต่างชาติก็ยังชื่นชอบประเทศไทยอยู่ อยากให้เป็นจริงไม่ได้เป็นแค่คำบอกเล่าของชาวต่างชาติ คนไทยฟังแล้วยังปลื้มเลย ในเว็บไซต์ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างเว็บ Lonely Planet ประเทศไทยก็ยังอยู่ใน Ranking อันดับ 1 ทั้งสถานที่ที่น่าไปเยือน รวมถึงยอดขายหนังสือของเขาด้วย เห็นไหม น่าภูมิใจไหมล่ะ อยากให้ชาวต่างชาติที่มาเยือน พูดได้เต็มปากว่า "คุ้มค่าที่มาเยือน" มากกว่า "ไม่ค่อยพบเจอตามที่หนังสือบอกเลย" รักประเทศไทยครับ แต่ถ้าพูดถึงเอนทรี่นี้ต้องบอกว่า หลวงพระบาง สวยกว่าในหนังสือจริงๆ
เพื่อนคนสุดท้ายคือ ครูอาสาสมัครของหลวงพระบาง ต้องบอกไว้ก่อนว่า อาชีพนี้ หนักหนาสาหัสกว่าที่คิด คือแทบจะไม่มีเวลาว่างเลย ทุกอย่างต้องทุ่มเทกับงานและการพัฒนาด้วยใจรัก เด็กหนุ่มคนนี้อายุเท่ากับธนกฤต แต่มีความคิดที่สุดยอดมากๆ พูดถึงการทำงาน ไม่ใช่แค่ในตัวเมืองหลวงพระบาง แต่ครอบคลุมหมู่บ้านรอบนอกเมือง ซึ่งการเข้าถึงเป็นไปได้ยากมาก ยิ่งหน้าฝนไม่ต้องพูดถึง โคลนล้วนๆ เขาตระเวน สอนหนังสือ สร้างโรงเรียนให้เด็กๆแถบชนบทอย่างไม่ย่อท้อ เขาพูดว่า เด็กๆที่นี่ชอบ
หนังสือมาก เวลามีหนังสือมาถึงในชนบทก็จะรีบจับจองกันไปอ่าน เหมือนแย่งขนมยังไงอย่างงั้น ปัญหาคือ ในประเทศลาว ยังมีการผลิตหนังสือเพื่อส่งเสริมความรู้ไม่เพียงพอ ทีมงานของครูชนบท จึงต้องพึ่งเงินบริจาค รวมไปถึงผลิตหนังสือเองด้วย มีโครงการอาสาเยอะแยะมากมาย ผุดขึ้นทางตอนเหนือของลาว และการที่จะได้มาซึ่งเงินทุนนั้น ต้องมีหลากรูปแบบ เพราะฉะนั้นทุกๆเย็นถึงดึก เพื่อนผมคนนี้ จึงต้องมีเปิดแผงหนังสือที่ถนนคนเดินกลางเมืองหลวงพระบาง เพื่อรับเงินบริจาค รวมไปถึงรับบริจาคหนังสือเก่าด้วย ช่างน่าทึ่งที่เพื่อนคนนี้ ใช้แรงกายแรงใจบวกมอเตอร์ไซค์เพียงคันเดียว บรรทุกหนังสือไปตามหมู่บ้านต่างๆ ไม่ว่าจะใกล้ไกลหรืออยู่บนดอยสูงลิบ ผมยังคงติดต่อกับเขาทางอีเมล หากแต่เขาไม่ค่อยได้ตอบกลับเท่าไหร่ เพราะอาจจะต้องอยู่ค้างในชนบทนานนับครึ่งปี แต่นี่ก็เป็นพลังหนึ่งที่ทำให้โลกและเด็กๆก้าวไปในทางที่ดีขึ้น มีอนาคตที่ดีขึ้นกว่านี้ แม้จะไม่มาก แต่เพียงเล็กน้อย ยังดีกว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลย...
แต่ที่นี่ หลวงพระบาง ก็ยังดึดดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างไม่เสื่อมคลาย ผู้คนใจดีที่เป็นหนึ่ง รวมไปถึงวัฒนธรรมอันงดงาม รักษาไว้เหนียวแน่น เมืองนี้ คือ ความภูมิใจของชาวลาวเป็นแน่ เพราะนี่คือ มรดกโลก ที่ขับเคลื่อนได้ซึ่งมีอยู่จริง สร้างความประทับใจทุกครั้งที่มาเยือน
ธนกฤตก็ดีใจนะ เพราะเหลียวหลังกลับมามองบ้านเรา ก็มีหลายสิ่งที่น่าภูมิใจ เอาเป็นว่าคราวหน้าเราจะไปเยือนถิ่นใกล้บ้านเกิด หลายสิ่งที่ถูกมองข้าม เรื่องที่น้อยคนนักจะได้รู้ในเมืองลำปาง แล้วเจอกันนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น